[One-Shot:SNSD] Why not? [Yuri] YulYoon
หวัดดีทุกคนนะคะ ^^ เรื่องนี้เอาใจพ่อยกแม่ยกยูลยุน แฮ่ๆๆ ติชมด้วยนะคะ เรื่องแรกเลยจากฝั่งโซชิ จากบ้านโซชิ ที่เค้าเคยเอาไปลงแล้ว แหะๆ
ผู้เข้าชมรวม
4,401
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“พี่เป็นของฉัน!” เสียงหวานที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาทของร่างสูง
คำพูดที่ดื้อรั้นและเอาแต่ใจของอีกฝ่าย
คำพูดที่ทำให้เธอต้องอึ้งทั้งการกระทำและคำพูด
คำพูดที่วกไปเวียนมาเหมือนกับวิดีโอที่ถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อยู่ในหัวของเธอ ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ร่างสูงก็ยิ่งเครียดมากเท่านั้น
“ถ้าพี่ไม่ตกลง...
หุ้นทุกอย่างในบริษัทจะถูกถอนทั้งหมด รวมทั้งคลิปพี่กับบรรดาสาวๆของพี่..
พี่ลองคิดดูนะ ว่าถ้าเกิดคุณปู่รุ่นโบราณรู้ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเรา
ชอบมั่วสุมผู้หญิงมากแค่ไหน พี่คงจะรู้นะอะไรจะเกิดขึ้น....”
คิดมาถึงตรงนี้ ควอน ยูริ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกับบริษัทของตระกูลอิม
เธอที่ขึ้นชื่อว่าเป็น คาสโนวี่ แม้ว่าชื่อเสียงในเรื่องผู้หญิงของเธอจะดังมากแค่ไหน
แต่มันก็ยังคงไม่ถึงหูของคณะกรรมบริษัทรุ่นคุณปู่อยู่ดี
แต่เจ้าของคำพูดที่พยายามบังคับให้เธอเป็นแฟนนั้น
บอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด
เธอไม่ได้กลัวว่าจะถูกถอดถอนหุ้นทั้งหมดจากบริษัทตระกูลอิม
แต่เธอเพียงกลัวว่า ชื่อเสียงและผลงานที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอจะมาจบลง
เพราะพวกคุณปู่เท่านั้นเอง
ใครก็รู้ว่าคณะกรรมการพวกนี้ชอบขุดคุ้ยเรื่องของคนอื่นมากแค่ไหน
ใครจะยอมให้มันเกิดขึ้นกันหล่ะ
หากเธอรู้แต่แรกว่า ยุนอา หรือ อิม ยุนอา
ลูกสาวคนเดียวของประธานอิม เดซอง
ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหนูที่เรียบร้อยและน่ารักมากที่สุดในเกาหลี
เธอคนเป็นคนหนึ่งที่ขอปฏิเสธ
ใครจะไปนึกว่าหน้าตาน่ารักอย่างเด็กคนนั้น
จะทำเธอแสบขนาดนี้ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งแค้นกับการกระทำของอีกคนมากขึ้นทุกที
.
.
.
.
rrr RRR rrr
‘ตัวแสบ’
ชื่อนี้เจ้าของเครื่องมือสื่อสารราคาแพงนี้
เมมไว้ด้วยตัวเอง แค่เพียงเห็นชื่อของอีกคน
ยูริแทบจะปาโทรศัพท์เครื่องหรูนั้นทิ้งเสียทันที
แต่ก็ได้เพียงคิดเท่านั้นเอง
นิ้วเรียวเลื่อนไปกดปุ่มรับ อย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
“มีอะไร...” น้ำเสียงที่ห้วนจัดของเธอ
บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
‘แหม พี่ยูล พูดกันดีๆก็ได้นี่นา...’
เสียงหวานตอบกลับมาอย่างไม่ยี่หระ
นั่นยิ่งเป็นการยั่วโมโหของคนตัวสูงมากขึ้นไปอีก
“อย่ามาเรียกฉันว่า ยูล เธอมีอะไรก็ว่ามา
ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งเถียงกับเธอหรอกนะ”
น้ำเสียงยังคงบ่งบอกอารมณ์โกรธอยู่เช่นเดิม
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายกลัวเลยแม้แต่น้อย
‘ฉันแค่จะโทรมาบอกว่าให้พี่เข้าบริษัทด้วยเท่านั้นเอง อย่าไปสายหล่ะ’
เสียงหวานยังคงพูดแบบสบายอารมณ์อยู่เช่นเดิม
หลายครั้งต่อหลายครั้งที่อีกฝ่ายมักจะพูดเช่นนี้กับเธออยู่เรื่อยไป
แต่มันจะโทษใครได้ เพราะที่เธอเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เธอเองหรือที่ขุดหลุมฝังตัวเอง
ถ้าหากเธอรู้ว่าคุณหนูอิม ที่ภายนอกแสนจะเรียบร้อย
แสบอย่างนี้ เธอคงไม่เสี่ยงเป็นแน่
.
.
.
.
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ของร่างสูง
แฟ้มเอกสารมากมายที่ยังไม่ได้รับการตรวจดูวางอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่
คนตัวสูงที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงในห้องนั้น
ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแฟ้มตรงหน้ามากนัก
แต่ใบหน้าคมเลื่อนไปยังคอมพิวเตอร์ข้างเคียง
ก่อนจะเปิดขึ้นเพื่อเช็คยอดขายของบริษัท อิม
“พี่ยูล...” เสียงหวานดังขึ้น
ประตูถูกเปิดออกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคนภายใน
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตู แล้วเธอก็เลิกเรียกฉันแบบนั้นซักที”
เสียงห้วนจัดเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นักกับคำพูดและการกระทำของอีกฝ่าย
“มาถึงก็ว่าเลยนะ...”
อีกคนที่เพิ่งถูกตำหนิเมื่อครู่เอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดอะไร
ร่างสูงที่กำลังนั่งเคลียร์เอกสารกองโตบนโต๊ะตัวใหญ่
เงยหน้าขึ้นสบตาหวานปนขี้เล่นของอีกคน เชิงถามว่าต้องการสิ่งใด
ดูเหมือนว่าร่างบางจะเข้าใจคำถามทางสายตา
ของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
“วันนี้ไปทานข้าวกับยุนนะ...”
ร่างสูงนิ่งไปสักครู่ราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ก่อนเอ่ยตอบคำเชิญชวนของร่างบางด้วยเสียงเรียบ
“ฉันไม่ว่าง...”
“ทำไม... พี่จะไปไหน?”
“มันไม่ใช่ธุระของเธอ...”
ร่างสูงยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปอย่างนั้น
“อ้อ... อย่าคิดจะเอาพ่อของเธอมาขู่หรือโวยวายใส่ฉันนะ
ออกไปได้แล้ว ฉันต้องทำงาน”
เสียงเรียบที่ไร้เยื่อใยดังขึ้นอีกครั้ง
“หึ่ย..” ลมหายใจถูกพ่นออกอย่างขัดใจกับคำพูดของอีกคน
.
.
.
.
ร้านอาหารชื่อดัง บรรยากาศริมทะเลที่ดูสบายๆ
บวกกับการจัดร้านแบบน่ารักๆ ยิ่งทำให้น่าเข้าไปมากขึ้นไปอีก
ยูริได้แต่ยืนอยู่หน้าร้านเล็กๆแห่งนี้
ดูท่าทางร่างสูงจะลังเลอะไรบางอย่าง
“ยูล ทางนี้...” เสียงหวานของอีกคนดังขึ้น
ตาคมเหลือบไปมองต้นเสียงที่ออกมาจากในร้าน
ก็จะเจอกับอีกคนที่นัดเธอไว้ตั้งแต่ต้น
“ซึงยอน..”
.
.
.
.
“พ่อคะ วันนี้ยุนขอไปทานข้าวกับพ่อได้มั้ยคะ?”
ชายหนุ่มที่ดูมีอายุเงยหน้าขึ้นเพื่อมองลูกสาวคนเดียวของตน
“หืม มีอะไรหรือยุนอา”
ประธานอิม เอ่ยถามลูกสาวตัวเล็กของเขาด้วยแปลกใจ
เพราะโดยปกติแล้วยุนอามักจะชวนยูริออกไปทานข้าวด้วยกัน
มากกว่าที่จะมาชวนเขาเสียอีก
“ก็พี่ยูริ บอกว่าติดธุระ ไม่ให้ยุนไปด้วยนะค่ะ...”
“แย่จังนะ..เด็กดี วันนี้พ่อก็ไม่ว่างด้วยสิ มีนัดกับลูกค้าน่ะ”
“พ่อคะ..”เสียงหวานอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
ยามเวลาที่เธออ้อนผู้เป็นพ่อของเธอ
“พ่อขอโทษนะยุนอา เอาไว้เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันดีมั้ย?”
เดซองพยายามหว่านล้อมลูกสาวตัวดีของเขาไม่ให้งอแงมากไปกว่านี้
“ก็ได้ค่ะ... สัญญาแล้วนะ”
เด็กสาวพูดพลางทำปากยื่นใส่ด้วยความขัดใจ
“ครับๆ คุณลูกสาว สัญญาครับผม!”
ผู้เป็นพ่อล้อเลียนกับพฤติกรรมของลูกสาวของเขา
จะโตขึ้นเท่าไหร่ ยุนอาก็ยังเป็นเด็กขี้อ้อนอยู่ดี
รถพอร์ชสีดำคนหรูหยุดลงที่หน้าอาหารโปรดของร่างบาง
วันนี้ดูเหมือนคนจะไม่เยอะมากนัก
เนื่องจากตอนนี้ก็เลยเวลาพักของคนทำงานมากพอสมควร
ในขณะที่ร่างบางกำลังเดินเข้าไปภายในร้าน
ตาหวานเหลือบไปเห็น คนที่ปากบอกว่าติดธุระ
แต่ดันมานั่งกับสาวหน้าหวานที่ไหนก็ไม่รู้
แบบนี้จะให้เธอคิดว่าอย่างไรกันเล่า
ยุนอาโมโหกับภาพตรงหน้ามากมายนัก
ภาพที่ยูริกำลังเช็ดมุมปากให้กับอีกคน
ความอดทนถึงขีดสุด ร่างบางสาวเท้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
ที่ยังคงนั่งทานโดยที่ไม่รู้เรื่องราว
“พี่ยูริ!” เสียงหวานตวาดดังก้องทั่วร้านอาหาร
บรรดาลูกค้า ต่างก็มองเธอเป็นตาเดียว
“ยุนอา..” มีเพียงเสียงเรียบเฉยหลุดออกมาจากปากของร่างสูง
“ไหนพี่บอกมีธุระ” เสียงที่ยังคงความสูงไม่เปลี่ยนแปลง
แสดงถึงความโกรธของคนตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
“นี่น่ะหรอ ธุระของพี่น่ะ มานั่งกินข้าวกับคนอื่นเนี่ยนะ!”
“แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้”
“แต่พี่เป็นแฟนฉัน!”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ยูล..”
ซึงยอน ที่ยังคงไม่รู้เรื่องราวเอ่ยถามอีกคน
ที่ดูท่าทางจะเคร่งเครียดพอสมควร
“ยังจะมาพูดอีกหรอ เธอก็รู้ว่าฉันกับ...”
“อย่ามาเสียมารยาท ยุนอา!”
เสียงเรียบที่เข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเอ่ยขึ้น
เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายชักจะเสียมารยาทมากขึ้นทุกที
เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเป็นแฟนกับเด็กสาวตรงหน้า
แต่มันไม่จริงเลยที่เป็นแบบนั้น อีกฝ่ายบังคับเธอเสียมากกว่า
ซ่า!
น้ำเปล่าจากแก้วของยูริ ถูกสาดลงบนใบหน้าหวานของซึงยอน
ด้วยฝีมือของร่างบางตรงหน้า
ผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวได้แต่อึ้งกับการกระทำนั้น
“นี่มันจะมากไปแล้วนะ!” เสียงเรียบเปลี่ยนเป็นเสียงเข้มจัด
แสดงถึงความอดทนทุกอย่างได้หมดลงแล้ว
“ซึงยอน ยูลขอโทษแทนน้องด้วยนะ เดี๋ยวยูลไปส่ง..”
ร่างสูงหันมาพูดกับอีกคนที่ยังออกอาการเหวออยู่ชั่วขณะ
ก่อนที่จะใช้ทิชชู่ ซับบนใบหน้าหวานของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
ยิ่งยูริทำแบบนั้น ยุนอาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก
‘พี่จะทำให้ฉันบ้าตายหรือไงพี่ยูริ พี่จะกำลังทำให้ฉันเป็นคนอิจฉานะ’
ร่างบางได้แต่คิดกับตัวเองแบบนั้น
แต่จะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าร่างสูงจะปกป้องอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน
“หลีกไป ยุนอา!”
“พี่ยูล...” เสียงหวานเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นอาการโกรธของอีกฝ่าย
“กลับมาค่อยคุยกัน...” เสียงเรียบของร่างสูงเอ่ยทิ้งไว้เพียงเท่านี้
ก่อนที่จะเดินสวนร่างบางออกไปภายนอกพร้อมกับอีกคน
.
.
.
.
“เธอทำอะไรของเธอ ยุนอา!”
เสียงดังที่ตวาดดังก้องไปทั่วห้องทำงานใหญ่
ร่างบางสั่นสะท้านเพราะกลัวท่าทางของอีกฝ่าย
เธอไม่คิดว่าคำพูดเพียงเท่านั้นจะทำให้อีกคนโกรธได้มากขนาดนี้
ถ้าเกิดเขาเกลียดเธอขึ้นมาจริงๆจะทำอย่างไรกัน อิม ยุนอา!
“เอาแต่เงียบทำไม ตอบมาสิ ทำอย่างงั้นกับซึงยอนทำไม!”
“แล้วพี่หล่ะ ทำตัวดีนักหรือไง”
ร่างบางเถียงขึ้นอย่างอดไม่ได้
ก็ในเมื่อร่างสูงตกลงที่จะเป็นแฟนกับเธอแล้ว
อย่างน้อยก็ควรจะให้เกียรติกันบ้าง
“สัญญากระดาษ อย่าคิดว่าจะใช้มันเป็นเครื่องบังคับฉัน...”
เสียงที่ลอดไรฟันออกมาแสดงถึง
ความโกรธของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีทีเดียว
“ในเมื่อพี่ตกลงแล้ว พี่ควรจะทำตามสิ..”
“เธอคิดอะไรอยู่ ยุนอา... ฟังฉันนะ ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เพราะมันเป็นแค่กระดาษใบหนึ่งที่มีแค่ลายเซ็นของฉันกับเธอเท่านั้น
คำว่า แฟน ในความหมายของเธอมันหมายความว่ายังไงกัน
สัญญาที่เขียนขึ้นโดยกระดาษงั้นเหรอ แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่...”
“เธอพยายามบังคับฉันให้อยู่ในกรอบของกระดาษบ้าๆแผ่นหนึ่ง
ฉันอดทนเธอมาตลอด แต่ครั้งนี้มันชักจะเกินไปแล้ว ยุนอา..
เธอลองนึกบ้างนะ ว่าการที่เธออยู่กับความรับจอมปลอมภายใต้กฎบังคับของกระดาษแผ่นหนึ่ง
การที่ต้องทำเป็นรักกับคนที่ไม่ได้รัก จะอึดอัดบ้างหรือเปล่า
เธอเคยคิดบ้างมั้ย อิม ยุนอา...”
เสียงที่บ่งบอกถึงความอดทนที่สิ้นสุดลงเอ่ยขึ้น
ก่อนร่างสูงจะเดินไปหยิบสูทตัวนอกที่วางอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่
แล้วเดินสวนออกไปโดยไม่สนใจอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ยุนอาได้แต่ยืนอึ้งกับคำพูดของอีกฝ่าย
ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เธอจะบังคับอีกคนอย่างไร
เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเกลียดเธอเช่นวันนี้เลยสักครั้งเดียว
เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น ร่างบางได้แต่ถามกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
แล้วเธอก็ได้ข้อสรุปให้กับตัวเอง
ว่าทุกอย่างมันคงเกิดขึ้นเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น
“พี่ยูล.. ฉันขอโทษ
ที่ฉันต้องทำแบบนี้ เพราะฉันไม่อยากเสียพี่ไป...”
.
.
.
.
ยูริยังคงทำงานอยู่ในบริษัท อิม คอปเปอร์เรชั่น
หากแต่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป ราวกับเป็นคนละคน
ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับบึ้งตึงตลอดเวลา
กิจวัตรทุกเช้าของเธอคือการไปรับคุณหนูอิมที่คฤหาสน์ใหญ่
ในตอนกลางวันหรืออาจจะตอนเย็น
เธอมักจะรับยุนอาไปทานข้าวด้วยกันเสมอ
ร่างบางสังเกตพฤติกรรมของร่างสูงที่กำลังนั่งทานข้าวเงียบๆ
คนตรงหน้าดูเธอดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
คนที่มักจะอารมณ์เสียเมื่อเธอเรียกชื่อต้องห้ามนั้นบ่อยๆ
แต่เดี๋ยวนี้คนตรงหน้าแทบจะไม่มีที่ท่าว่าจะอารมณ์เสียใส่เธอเลยสักครั้ง
เธอควรจะดีใจไม่ใช่หรือ แต่ร่างบางไม่คิดเช่นนั้นเลย
ไม่รู้เพราะเหตุใด ยุนอาไม่ชอบที่อีกคนเป็นแบบนี้
ความรู้สึกอึดอัดที่ไม่รู้มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่เธออยากได้คนขี้โวยวายคนก่อนกลับมาเสียมากกว่า
“พี่ยูล...”
“หืม..?” ใบหน้าคมที่เคยจับจ้องอยู่บนจานข้าวของตน
เงยหน้าเพื่อสบตาของอีกฝ่าย
“ยุนขอโทษ...”
“ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษด้วยหล่ะ?”
“พี่ยูล...”
“….”
“ฉันไม่อยากให้พี่เป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากให้พี่เงียบ
ฉันไม่อยากให้พี่เย็นชากับฉัน พี่จะโวยวายใส่ฉันเหมือนเมื่อก่อนจะดีกว่าอีก...”
“พี่บอกฉันได้มั้ย ว่าพี่เป็นอะไร บอกฉันที...
ว่าฉันควรทำยังไง ฮึก... ขอร้องหล่ะ”
แววตาหวานของร่างบางเริ่มวูบไหว
น้ำตาที่เกาะพราวอยู่บริเวณตาสวยนั้น พร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ
เธอพยายามมากเหลือเกินพยายามที่จะสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้
กลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็น ความอัดอั้นที่ถูกกักเก็บมาเนิ่นนาน
พรั่งพรูออกมาจากคำพูดทั้งหมดนั้น
ทั้งๆที่อีกฝ่ายทำดีกับเธอ
แต่เธอกลับรู้สึกว่าการกระทำนั้นไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักแม้แต่น้อย
ความเงียบเป็นคำตอบของอีกคนที่นั่งอีกฝั่ง
น้ำตาที่เธอพยายามกักกั้นมานาน ถูกปล่อยให้ไหลเงียบๆ
ก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้น
“คงเป็นเพราะฉันเอง... เป็นเพราะฉัน
ฉันขอโทษนะพี่ยูริ”
เสียงที่สั่นเครือดังขึ้นก่อนที่ยุนอาจะสาวเท้าออกไปข้างนอก
โดยทิ้งให้ร่างสูงที่ยังคงเงียบอยู่
จมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อไป
ยูริยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
เธอกำลังสับสนกับความรู้สึกของตนเองอย่างหนัก
คำพูดของอีกคนเมื่อครู่นี้ แปลว่าเธอได้รับอิสระแล้ว ใช่หรือไม่?!
แต่ทำไมความรู้สึกตอนนี้ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่สิ่งที่ร่างสูงกำลังรู้สึกแปลกๆก็คือ
เมื่อเธอเห็นน้ำตาของเด็กคนนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดเข้ามาแทนที่
ความรู้สึกที่ไม่อยากเห็นคนตรงหน้าเสียใจ
ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อไป
ร่างสูงที่เพิ่งนึกได้ว่า ตนเองเป็นคนไปรับร่างบางมาทานอาหารเย็นด้วย
เด็กคนนั้นจะกลับอย่างไร ในเมื่อเธอยังอยู่ตรงนี้
คิดได้ดังนั้น ร่างสูงรีบวิ่งออกไปทันที
ครืนน!! ซ่า
“บ้าเอ้ย! จะมาตกทำไมตอนนี้เนี่ย”
.
.
.
.
เสียงสะอื้นของร่างบางที่ดังแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำลงมา
ความเสียใจและความเจ็บปวดถามโถมเข้ามาในใจของเธอ
“ฮึก...”
ป่านนี้อีกฝ่ายคงกลับไปแล้ว
เขาคงไม่คิดจะสนใจเธอหรอก ในเมื่อเธอทำกับเขาไว้เสียมากมายเช่นนั้น
น้ำตาพาลจะไหลออกมาดื้อๆ
แสงไฟจากรถสปอร์ตคนหรูสาดส่องมาที่ร่างบาง
ที่นั่งชันเข้าอยู่ริมถนนทั้งๆที่ฝนตกหนักเช่นนี้
ยูริรีบลงจากรถแทบจะทันทีที่เธอเห็นอีกคนนั่งตากฝน
ร่างสูงสาวเท้าเข้าไปหาร่างบาง ที่ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น
เสื้อคลุมถูกถอดออกเพื่อคลุมให้อีกคน
ยุนอารู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เข้ามาบังละอองน้ำฝนไว้
กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย ราวกับว่ามีคนนั้นอยู่ใกล้ๆเธอในตอนนี้
ร่างบางคิดว่าตัวเองคงจะเพ้อมากไป แต่ก็ต้องตกใจ
ในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าคมของอีกคนที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
แต่แววตาของร่างสูงที่ทอดมองมาหาเธอนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“…” ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
มีเพียงมือกว้างที่ส่งมาเท่านั้น
“ยื่นมาสิ...” เสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นดังขึ้น
มือเรียวของร่างบางเอื้อมไปจับมือกว้างของอีกฝ่าย
พร้อมกับโผเข้ากอดร่างสูงของอีกคนด้วยความรู้สึกกลัว
เธอกลัว กลัวว่าอีกคนจะเกลียดเธอจริงๆ
เธอกลัว กลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไป
เธอกลัว กลัวว่าเธอต้องอยู่คนเดียว
“พี่ยูล...”
น้ำตาที่เคยหมดไปกลับรื้นขึ้นมาอีกละรอกหนึ่ง
มือบางกำเข้าที่ชายเสื้อของอีกคนราวกลับกลัวว่าจะหายไป
ร่างสูงได้แต่ยิ้มกับการกระทำของคนตรงหน้า
แขนเรียวรั้งร่างบางเข้าไปกอดแน่นมากขึ้นไปอีก
ก่อนจะกระซิบข้างหูของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
“อย่าหนีมาแบบนี้ได้มั้ย พี่เป็นห่วง...”
.
.
.
.
ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่
กระสับกระส่ายด้วยพิษไข้
อาจจะเป็นเพราะเมื่อวานที่เธอตากฝนนานพอสมควร
ประตูห้องนอนบานใหญ่ถูกเปิดขึ้นอย่างแผ่วเบา
กลิ่นอาหารพอที่จะทำให้คนที่นอนอยู่รู้ว่า
แม่บ้านของเธอคงจะนำอาหารขึ้นมาให้เธอแล้ว
“ป้าคะ.. ยุนยังไม่หิวค่ะ”
“…”
“เอาไปเก็บก่อนเลยก็ได้นะคะ..”
“…” ความเงียบยังคงเป็นคำตอบ
ร่างบางเริ่มหงุดหงิดกับอาการเงียบนั้น
เปลือกตาบางยกขึ้นอย่างยากเย็น
ดวงตาปรับสภาพกับแสงเล็กน้อย
แต่เธอต้องตกใจเมื่อคนที่ยืนถือถาดอาหาร เป็นคนที่เธออยากเจอมากที่สุด
“ว่าไงดีขึ้นรึยัง?” เสียงทุ้มเจืออ่อนโยนเอ่ยถามขึ้น
“…”
“ไหน พี่ขอดูหน่อย” มือเรียวทาบลงบนหน้าผากมนของคนป่วย
เพื่อวัดอุณภูมิในร่างกายของอีกคน
“…///”เมื่อครู่นี้ เธอได้ยินคนตัวสูงแทนตัวเองว่า ‘พี่’จริงหรือ
ร่างบางคิดกับตัวเอง
“หน้าแดง... ไข้ขึ้นหรือเปล่า?”
“…”
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเอาแต่เงียบหล่ะ หืม?”
“…”
“เนี่ย อร่อยนะ ไม่ลองทานหน่อยหรอ?”
“...”
“โอเค... พูดกับฉันหน่อยได้มั้ย ยุนอา..”
ร่างสูงวางจานข้าวลงก่อนจะถอนหายใจ
เธอพยายามชวนอีกฝ่ายคุยแล้ว แต่ร่างบางเอาแต่เงียบ
“พี่... เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
คนที่เงียบมานานถามขึ้น
“ฉันสบายดี แต่ฉันเป็นห่วงเธอ”
คำพูดนั้นทำให้ร่างบางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
มีสีเลือดซับที่หน้าเล็กน้อย
“พี่อย่าให้ความหวังฉันได้มั้ยคะ...” เสียงเครือบ่งบอกได้ดีว่า
คนป่วยกำลังเจ็บปวดมากเพียงใด
“พี่ก็รู้ว่าฉันรักพี่ แต่ในเมื่อพี่ไม่รัก...”
“เธอได้ยินจากปากฉันแล้วเหรอ ว่าฉันไม่ได้รักเธอ...”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย
ร่างบางได้แต่งงกับคำพูดที่กำกวมของอีกฝ่าย
“พี่หมายความว่ายังไง”
“ก็ฉันรักเธอน่ะสิ ยัยเด็กแสบ”
ผลงานอื่นๆ ของ Fleur ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Fleur
ความคิดเห็น